กรมศุลกากรร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้า มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท

 

วันที่ 11 ธันวาคม 2568 เวลา 14.00 น. นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 

พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ 

นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ อธิบดีกรมศุลกากร ผศ.อัครนันท์ อริยศรีพงษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นางสาวสุนทรียา ทวิชาประสิทธิ์ รองอธิบดีกรมศุลกากร นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค นายธนกฤต ลิ้นทอง ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ พล.ต.ต. ทัศน์ภูมิ จารุปรัชน์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายแพทย์ชยนันท์ สิทธิบุศย์ ผู้อำนวยการกองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กรมควบคุมโรค นายกฤษดา สุขการีย์ รองผู้อํานวยการฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า การท่าเรือแห่งประเทศไทย ร่วมแถลงข่าวตรวจยึด “บุหรี่ไฟฟ้า” ชนิดใช้แล้วทิ้ง จำนวน 46,260 ชิ้น มูลค่า 10,871,100 บาท ซึ่งเป็นของต้องห้าม

ในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ณ สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ กรมศุลกากร

 







นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของ 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ซึ่งมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาด้านยาเสพติดและสินค้าผิดกฎหมายโดยกำหนดให้เป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล (Quick Big Win) ที่ต้องดำเนินการให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อความปลอดภัยของสังคมและประชาชน ดร. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 

จึงให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนภารกิจเชิงรุกในการสกัดกั้นยาเสพติดและสินค้าผิดกฎหมาย กรมศุลกากรได้ขานรับนโยบายและดำเนินการอย่างเข้มงวดในการปราบปราม พร้อมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ 

สำนักนายกรัฐมนตรี กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง การท่าเรือ

แห่งประเทศไทย และหน่วยงานอื่นๆ เพื่อสกัดกั้นการลักลอบการนำเข้าสินค้าดังกล่าว







วันที่ 4 ธันวาคม 2568 สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ พร้อมด้วยกองสืบสวนและปราบปราม 

กรมศุลกากร และเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตรวจสอบตู้สินค้าที่ตกเป็นของตกค้าง จำนวน 7 ตู้ 

ณ ฝ่ายของกลางและของตกค้าง สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ 

ผลการตรวจสอบ พบเป็นสินค้าเบ็ดเตล็ด และพบการซุกซ่อนบุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้งคละกลิ่น  

จำนวน 46,260 ชิ้น มูลค่ารวม 10,871,100 บาท สินค้าดังกล่าวเป็นของต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. 2522 ประกอบ ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่ และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557

อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวต่อว่า จะเห็นว่า พฤติการณ์การลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าจะเปลี่ยน

เป็นการซุกซ่อนปะปนอยู่กับสินค้าอื่น ๆ ภายในตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อหลบซ่อนการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ 

ทั้งนี้ จากการบูรณาการร่วมกันระหว่างกรมศุลกากรและหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องทำให้สามารถป้องกันและปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถปกป้องสังคมได้อย่างปลอดภัย สำหรับสถิติการจับกุมบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ในปีงบประมาณ 2569 (ตั้งแต่เดือน 1 ตุลาคม – 11 ธันวาคม 2568) ตรวจยึดได้ 123,870 ชิ้น/อัน/กล่อง/เซต มูลค่ารวมทั้งสิ้น 25,170,659 บาท


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รางวัลแห่งความภาคภูมิใจ! Kloss Wellness Clinic ผู้นำคลินิกดูแลสุขภาพครบวงจร ขึ้นรับรางวัล สถานประกอบการฟื้นฟูและชะลอวัยดีเด่นแห่งปี ในงาน THE WORLD'S HIGHEST AWARDS 2024

บทความทางกฎหมาย โดยอัยการวรเทพ สกุลพิชัยรัตน์ * เรื่อง คดีรีดทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว : "ศรีสุวรรณ - เจ๋ง ดอกจิก" ข้อหา คำพิพากษา และ ประเด็นอุทธรณ์ที่สังคมต้องจับตา

พระครูแจ้ จัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568