กรมทางหลวง จัดการประชุมสรุปผลการศึกษาโครงการ (สัมมนา ครั้งที่ 3) เพื่อศึกษาโครงการศึกษา ออกแบบ วิเคราะห์ แผนการพัฒนาโครงข่าย ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 และหมายเลข 9 เพิ่มประสิทธิภาพการเดินทาง
วันนี้ (25 พฤศจิกายน 2568) เวลา 08.30 – 12.00 น. ณ ศาลาอเนกประสงค์ใต้โบสถ์ วัดสุคันธาวาส ตำบลบางบ่อ อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ นายณัชวันก์ อัลภาชน์ เตชะเสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ได้เป็นประธานเปิดการประชุมสรุปผลการศึกษาโครงการ (สัมมนา ครั้งที่ 3) โครงการศึกษา ออกแบบ วิเคราะห์ แผนการพัฒนาโครงข่าย ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 และหมายเลข 9 ของกรมทางหลวง
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลโครงการ สรุปผลการศึกษาทางด้านวิศวกรรม ด้านสิ่งแวดล้อม และผลการดำเนินงานด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนให้กลุ่มเป้าหมายรับทราบ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมการประชุมได้ให้ข้อมูลแสดงความคิดเห็น เพื่อนำไปใช้พิจารณาประกอบการจัดทำรายงานสรุปผลการศึกษาโครงการให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรธุรกิจเอกชน สื่อมวลชน และภาคประชาชน เข้าร่วมการประชุม
โดยการประชุมในครั้งนี้ บริษัทที่ปรึกษาโครงการฯ ได้นำเสนอสรุปผลการศึกษาของโครงการ โดยมีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้ สำหรับพื้นที่ศึกษาโครงการ ตั้งอยู่บริเวณทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ประมาณกิโลเมตรที่ 25+900 ถึง กิโลเมตรที่ 32+800 โดยจากการศึกษาพบว่า แนวทางการพัฒนาโครงการจะเป็นการก่อสร้างทางแยกต่างระดับ ซึ่งตำแหน่งที่ตั้งอยู่บริเวณจุดตัดระหว่างถนนรัตนโกสินทร์ 200 ปี ส่งผลให้มีพื้นที่ศึกษาเพิ่มเติมบริเวณแนวเส้นทางบนถนนรัตนโกสินทร์ 200 ปี ประมาณกิโลเมตรที่ 5+200 ถึง กิโลเมตรที่ 8+200 และแนวเส้นทางเชื่อมต่อเข้าสู่ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 (Spur Line) บริเวณถนนรัตนโกสินทร์ 200 ปี ประมาณกิโลเมตรที่ 5+800 ถึงจุดเชื่อมต่อ
ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 กิโลเมตรที่ 31+200 ครอบคลุมพื้นที่ 3 ตำบล 1 อำเภอ ในจังหวัดสมุทรปราการ ได้แก่ บริเวณพื้นที่ตำบลเปร็ง ตำบลบางบ่อ และตำบลบ้านระกาศ อำเภอบางบ่อ
ส่วนรูปแบบทางแยกต่างระดับของโครงการ ที่ปรึกษาได้พิจารณาคัดเลือกรูปแบบทางแยกต่างระดับจากความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรมและจราจร ด้านการลงทุน ด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม และการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนจากการประชุม โดยได้คัดเลือก ทางแยกต่างระดับรูปแบบ Trumpet with Semi Directional Ramp ซึ่งเป็นรูปแบบที่เหมาะสมของโครงการ จะมีการก่อสร้างสะพานยกระดับ จำนวน 3 จุด ดังนี้
จุดที่ 1 สะพานข้ามทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 บนทางแยกต่างระดับ เพื่อรองรับการจราจรขาออกจากกรุงเทพฯ และขาเข้าทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ในทิศทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดชลบุรี โดยออกแบบให้มีช่องจราจรจำนวน 2 ช่องต่อทิศทาง (ไป-กลับ) กว้างช่องละ 3.60 เมตร ไหล่ทางด้านนอกกว้าง 3.00 เมตร และ
ไหล่ทางด้านในกว้าง 1.50 เมตร รวมทั้งมีทางแยกต่างระดับเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ จำนวน 1 ช่องจราจร กว้าง 5.00 เมตร ไหล่ทางด้านนอกกว้าง 3.00 เมตร และไหล่ทางด้านในกว้าง 1.50 เมตร
จุดที่ 2 สะพานข้ามทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 บนถนนรัตนโกสินทร์ 200 ปี ออกแบบให้มี
ช่องจราจรจำนวน 2 ช่องต่อทิศทาง (ไป-กลับ) กว้างช่องละ 3.50 เมตร ไหล่ทางด้านนอกกว้าง 2.50 เมตร และ
ไหล่ทางด้านในกว้าง 1.50 เมตร
จุดที่ 3 สะพานยกระดับบริเวณจุดตัดถนนรัตนโกสินทร์ 200 ปี เพื่อรองรับรถจากถนนรัตนโกสินทร์ 200 ปี ทิศทางจากทางจังหวัดสมุทรปราการ มุ่งหน้าเข้าด่านเก็บค่าผ่านทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ออกแบบให้มีช่องจราจรจำนวน 2 ช่องต่อทิศทาง (ไป-กลับ) กว้างช่องละ 3.50 เมตร ไหล่ทางด้านนอกกว้าง 2.50 เมตร และไหล่ทางด้านในกว้าง 1.50 เมตร และเพื่อรองรับรถออกจากด่านเก็บค่าผ่านทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ไปยังถนนรัตนโกสินทร์ 200 ปี ในทิศทางมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ และจังหวัดฉะเชิงเทรา ออกแบบให้มีช่องจราจรจำนวน 1 ช่อง กว้าง 5.00 เมตร ไหล่ทางด้านนอกกว้าง 3.00 เมตร และไหล่ทางด้านในกว้าง 1.50 เมตร
I-girder Bridge จำนวน 4 แห่ง และรููปแบบ Multi Box Girder จำนวน 2 แห่ง ขนาด 15.00 เมตร
ทั้งนี้ โครงการ ได้ดำเนินการศึกษาและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการพัฒนาโครงการ ครอบคลุมทุกกิจกรรมการก่อสร้าง พร้อมทั้งกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพื่อ
ลดผลกระทบต่อประชาชน ชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อมโดยรอบโครงการให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด
ภายหลังการประชุมครั้งนี้ กรมทางหลวง จะรวบรวมข้อมูลความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน นำมาพิจารณาประกอบการจัดทำรายงานสรุปผลการศึกษาโครงการให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ และจะนำเสนอสรุปผลการศึกษาในทุกด้านให้ประชาชนได้รับทราบรายละเอียดขั้นตอนการดำเนินงานต่อไป ซึ่งกรมทางหลวงมีแผนดำเนินการก่อสร้างประมาณ
ปี 2573 - 2574 และคาดว่าสามารถเปิดใช้บริการได้ประมาณปี 2578 โดยผู้สนใจสามารถติดตามความคืบหน้าและรายละเอียดของโครงการฯ ได้ที่ เว็บไซต์ www.m7-m9-interchange-ruamphathana-rd34.com หรือ Line Official : @515fcrum
























ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น