สจล. เปิดคณะพยาบาลศาสตร์ ‘ครั้งแรกของไทย’ สุดล้ำกับโมเดล “พยาบาลนวัตกร” มาพร้อมสกิล “AI – Design Thinking” สมจริงด้วยห้องเรียนสุดล้ำกับระบบเสมือน

สจล. เปิดคณะพยาบาลศาสตร์ ‘ครั้งแรกของไทย’ สุดล้ำกับโมเดล “พยาบาลนวัตกร”

มาพร้อมสกิล “AI – Design Thinking” สมจริงด้วยห้องเรียนสุดล้ำกับระบบเสมือน

ตั้งเป้าปั้นพยาบาลยุคใหม่ที่เชี่ยวชาญเทคฯ ช่วยรับมือความเปราะบางตามเทรนด์สุขภาพโลก

กรุงเทพฯ 22 กรกฎาคม 2568 – สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เปิดตัว “คณะพยาบาลศาสตร์” คณะใหม่ล่าสุด ชูธงปั้น “พยาบาลนวัตกร” ที่เชี่ยวชาญทั้งด้านเทคโนโลยี (Technical Skills) และทักษะความเป็นมนุษย์ (Human Skills) ตอบโจทย์ความท้าทายของระบบสุขภาพไทยในศตวรรษที่ 21 หวังลดปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ การรองรับโครงสร้างสังคมผู้สูงวัย และการยกระดับคุณภาพระบบสาธารณสุขไทย ด้วยหลักสูตรที่หลอมรวมองค์ความรู้ด้านวิชาการ วิชาชีพ นวัตกรรม และความเข้าใจมนุษย์ไว้ด้วยกัน พร้อมชู 5 จุดเด่น           1.หลักสูตรทันสมัยตอบโจทย์โลกยุคดิจิทัล   2. เรียนรู้ผ่านห้องปฏิบัติการสมจริงด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ  3.การฝึกภาคสนามสุดเข้มข้น  4.โปรแกรม Student Exchange 100% และ 5. ปลูกฝังทักษะความเป็นมนุษย์ เพื่อสร้างพยาบาลคุณภาพที่พร้อมดูแลผู้ป่วยด้วยหัวใจเอื้ออาทรอย่างแท้จริง


ผศ. ดร.บุหงา ตโนภาส รักษาการคณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า ปัจจุบันระบบสาธารณสุขไทยกำลังเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ เนื่องจากประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ โดยมีประชากรสูงวัยในสัดส่วน 20% ของประชากรทั้งหมด และคาดว่าในปี 2576 จะเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด (Super Aged Society) โดยคาดว่าจะมีประชากรสูงวัยถึง 28% ของประชากรทั้งประเทศ ส่งผลให้ความต้องการบุคลากรทางการแพทย์ โดยเฉพาะพยาบาลวิชาชีพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่พยาบาลวิชาชีพกลับมีแนวโน้มลดลงแม้ที่ผ่านมามีหลายสถาบันมีหลักสูตรเพื่อผลิตพยาบาลเพิ่มขึ้น แต่ไม่เพียงพอมีพยาบาลวิชาชีพออกจากระบบเป็นจำนวนมาก ซึ่งข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขพบว่า อัตราส่วนพยาบาลวิชาชีพต่อประชากรของไทยอยู่ที่ประมาณ 1:316 ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยขององค์การอนามัยโลกที่กำหนดอัตราส่วนพยาบาลวิชาชีพต่อประชากรที่ 1 ต่อ 250 คน  จึงไม่สามารถตอบสนองความต้องการในด้านการให้บริการทางการดูแลสุขภาพของประชากรไทยได้อย่างทั่วถึง

นอกจากนี้ ปัญหาโครงสร้างประชากรที่มีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ทำให้ปัญหาสุขภาพมีความซับซ้อนมากขึ้น ดังนั้นบทบาทของพยาบาลวิชาชีพในปัจจุบัน จึงไม่ควรจำกัดอยู่แค่การดูแลรักษาโรคเท่านั้น แต่ต้องสามารถจัดการกับสาเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ และออกแบบวางแผนการปฏิบัติตนของผู้ป่วยในการดูแลรักษาสุขภาพ ดังนั้น คณะพยาบาลศาสตร์ สจล. จึงออกแบบหลักสูตรที่มุ่งสร้างพยาบาลยุคใหม่ที่ไม่ใช่แค่มีความรู้ ทักษะ ความเชี่ยวชาญในสายวิชาชีพเท่านั้น แต่ต้องเป็น “พยาบาลนวัตกร” (Innovative Nurse) ที่มีทักษะด้านเทคโนโลยีและเป็นนักคิดเชิงระบบที่สามารถคิดค้น พัฒนา ออกแบบเทคนิคหรือวิธีการจัดการปัญหาสุขภาพแบบองค์รวม เข้าใจบริบทที่ส่ง 

ผลต่อสุขภาวะของผู้ป่วย และออกแบบการดูแลสุขภาพที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคล (Personal Healthcare) ได้อย่างเหมาะสม และสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้แก่ผู้ป่วย 

ผศ. ดร.บุหงา ขยายความเพิ่มเติมว่า นอกจากหลักสูตรการเรียนการสอนที่สอดคล้องตามมาตรฐานวิชาชีพแล้ว คณะพยาบาลศาสตร์ สจล. ยังมีจุดเด่นสำคัญ 5 ประการ ดังนี้ 

1. หลักสูตรทันสมัย ตอบโจทย์โลกยุคดิจิทัล ออกแบบให้เป็น “หลักสูตรแห่งอนาคต” ที่บูรณาการศาสตร์ทางการพยาบาลและวิทยาศาสตร์สุขภาพเข้ากับทักษะเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม โดยตลอดหลักสูตรผู้เรียนจะได้เรียนรู้และฝึกการใช้เครืองมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ  เช่น การประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพด้วย AI และ Big Data, การประยุกต์ใช้ Telemedicine รวมถึงได้ฝึกฝนทักษะการวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ (Systemic Thinking) ซึ่งเป็นหัวใจของการออกแบบการดูแลสุขภาพให้มีความเหมาะสมกับการดูแลสุขภาพรายบุคคลหรือรายกลุ่ม   พร้อมเสริมทักษะการเป็นผู้ประกอบการ(Entrepreneurship  Mindset) และการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) เพื่อให้ผู้เรียนมีความคิดเชิงบวก มองหาโอกาสในการพัฒนา สร้างเครือข่ายความร่วมมือ คิดค้นนวัตกรรมด้านสุขภาพที่สร้างสรรค์และใช้งานได้จริง พร้อมผสานมุมมองเชิงธุรกิจ เพื่อปูทางสู่การเป็นผู้ประกอบการด้านสุขภาพในอนาคต

2. ห้องปฏิบัติการสมจริง เทคโนโลยีสุดล้ำ ยกระดับประสบการณ์การเรียนรู้ เรียนรู้ผ่านห้องปฏิบัติการและเครื่องมือที่ทันสมัย เช่น การใช้ Human Anatomy VR ในการสอนกายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาแบบเสมือนจริง ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน หรือ iPad และอุปกรณ์ VR ได้แบบเรียลไทม์ พร้อมจอภาพสามมิติที่หมุนดูได้ 360 องศา ช่วยให้เข้าใจโครงสร้างร่างกายได้อย่างชัดเจน   และ สจล.มีสำนักการเรียนรู้ตลอดชีวิต (KLLC) ที่มี E-book, VDO, Journal ให้นักศึกษาสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองไม่จำกัดเวลา สถานที่  มี KMITL Interactive Digital Center - KIDC นอกจากนี้นักศึกษาได้เรียนรู้และฝึกประสบการณ์ผ่านห้องปฏิบัติการ "Nursing Simulation Lab" ห้องจำลองผู้ป่วยเสมือนจริงทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ทารก หญิงตั้งครรภ์ และผู้สูงอายุ สามารถแสดงอาการได้เหมือนของมนุษย์ เช่น ชัก หายใจลำบาก หัวใจเต้นผิดจังหวะ เพื่อจำลองสถานการณ์ต่างๆ เช่น การดูแลผู้ป่วยวิกฤตที่มีภาวะหายใจล้มเหลว  ภาวะช็อก  การทำคลอดและการดูแลทารกแรกเกิด เสมือนได้ปฏิบัติการพยาบาลกับผู้ป่วยจริงในโรงพยาบาล 

3. ฝึกปฏิบัติภาคสนามเข้มข้น ต่อเนื่อง เสริมประสบการณ์จริงตั้งแต่ปีที่ 2 ผู้เรียนจะได้ฝึกปฏิบัติงานจริงกับสถานบริการสุขภาพและโรงพยาบาลตั้งแต่ชั้นปีที่ 2 โดยเริ่มจากการฝึกปฎิบัติการพยาบาลพื้นฐานที่สถานบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่เจ็บป่วยไม่ซับซ้อนในโรงพยาบาล เป็นต้น เพื่อสร้างนักศึกษาให้มีเจตคติที่ดีต่อวิชาชีพการพยาบาล มีการสื่อสารและการสร้างสัมพันธภาพที่ดี  การสังเกต การประเมินผู้รับบริการ การใช้กระบวนการพยาบาลและหลักการพยาบาลพื้นฐาน และค่อยๆ ขยับสู่โรงพยาบาลระดับทุติยภูมิ และตติยภูมิ ที่มีความซับซ้อนของการรักษามากขึ้นในปีถัดๆ ไป รวมถึงการฝึกในโรงพยาบาลเอกชนและ Wellness Center ชั้นนำ ซึ่งจะช่วยให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง และเตรียมพร้อมสู่การเป็นพยาบาลวิชาชีพที่พร้อมทำงานจริงตั้งแต่วันแรกที่สำเร็จการศึกษา

4. เปิดมุมมองระดับโลก ด้วยโครงการ Student Exchange แบบ 100% ผู้เรียนทุกคนจะมีโอกาสได้เดินทางไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์ (Student Exchange) กับมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศอย่างน้อยหนึ่งครั้ง โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งช่วยเปิดโลกทัศน์ เข้าใจวัฒนธรรมที่หลากหลาย และเรียนรู้บริบทการดูแลสุขภาพในระดับนานาชาติ เตรียมความพร้อมสู่การเป็น Global Citizen ที่สามารถทำงานร่วมกับเครือข่ายสุขภาพในระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. ปลูกฝัง Soft Skills สร้างพยาบาลนวัตกรหัวใจเอื้ออาทร นอกจากสมรรถนะเชิงวิชาชีพและทักษะด้านเทคโนโลยีแล้ว สิ่งที่ทำให้คณะพยาบาลศาสตร์ สจล. โดดเด่นและแตกต่าง คือการออกแบบหลักสูตรที่ผสานกันอย่างสมดุลระหว่าง “Professional Skills” และ “Soft Skills” หรือ “Human Skills” โดยหลักสูตรจะมุ่งปลูกฝังทั้งทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ การสื่อสารทางการพยาบาล เช่น ทักษะการฟังอย่างตั้งใจ (Active Listening) ความเข้าใจในบริบทของผู้ป่วยในมิติต่างๆ  ความเห็นอกเห็นใจ  การเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพื่อสร้างพยาบาลนวัตกรที่มีความเอื้ออาทรในการดูแลผู้ป่วยอย่างแท้จริง  และสามารถทำงานเป็นทีมร่วมกับนักวิจัย นักออกแบบ วิศวะ นักวิทยาศาสตร์ และทีมสหสาขาวิชาชีพ มีความเข้าใจในความหลากหลายทางวัฒนธรรม เพื่อพัฒนานวัตกรรมได้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย 

“เพราะการดูแลสุขภาพไม่ใช่แค่การรักษาโรค แต่คือการออกแบบชีวิตที่มีคุณภาพให้ผู้ป่วยสามารถอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีคุณค่า มีความสุข และอยากมีชีวิตอยู่ต่อ ซึ่งต้องอาศัยความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ และมีหัวใจเอื้ออาทรต่อผู้ป่วยอย่างแท้จริง และนี่คือหัวใจสำคัญของการสร้าง “พยาบาลนวัตกร” ของ สจล. ที่สามารถผสานเทคโนโลยีเข้ากับหัวใจของความเป็นมนุษย์ได้อย่างลงตัว” ผศ. ดร.บุหงา กล่าวปิดท้าย

###

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รางวัลแห่งความภาคภูมิใจ! Kloss Wellness Clinic ผู้นำคลินิกดูแลสุขภาพครบวงจร ขึ้นรับรางวัล สถานประกอบการฟื้นฟูและชะลอวัยดีเด่นแห่งปี ในงาน THE WORLD'S HIGHEST AWARDS 2024

โรงเรียนสวนกุหลาบสมุทรปราการ จับมือ มหาวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ฮาร์บิน ประเทศจีน จัดพิธีลงนามทำ MOU เปิดศูนย์ประสานงานและการเรียนรู้ภาษาจีน

งานบุญกฐิน ประจำปี 2567 วัดบางพลีใหญ่กลาง รวมยอดจากสายบุญทุกสาย กว่า 1.6 ล้านบาท อย่างไม่เป็นทางการ