บทความทางกฎหมายโดยอัยการวรเทพ สกุลพิชัยรัตน์ เรื่อง 112 เลขนี้สำคัญไฉน

 บทความทางกฎหมาย โดยอัยการวรเทพ สกุลพิชัยรัตน์

เรื่อง “ 112 เลขนี้สำคัญไฉน  ? ”

เมื่อเร็วเร็วนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีคำวินิจฉัยว่า “ การกระทำของ นาย พ.และพรรค ก. จากการหาเสียงนโยบายแก้ไข มาตรา 112 เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องทั้งสอง เลิกการกระทำ เลิกการแสดงความความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น เพื่อให้มีการยกเลิก มาตรา 112 อีกทั้งไม่ให้มีการแก้ไข มาตรา 112 ด้วยวิธีการที่ไม่ใช่วิธีการทางกระบวนการนิติบัญญัติโดยชอบ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย

และยังมีคดีที่ นาย ท. ถูกพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ดำเนินคดีในความผิด ตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ที่เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ เมื่อปีพ.ศ.2558

มาดูกันว่า ความผิดตามมาตรา 112 คืออะไร ?

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 

"ผู้ใด หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือ แสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี"

กฎหมายมาตรา 112 นี้แตกต่างจากกฎหมาย “หมิ่นประมาท” ทั่วไป เนื่องจากมาตรา 112 นี้ ได้บัญญัติว่า "การดูหมิ่น" ก็เป็นความผิดด้วย ทั้งนี้โดยมีการแก้ไขในปี 2500 และหลังจากนั้นมีการตีความคำว่า "ดูหมิ่น" ว่าหมายถึง 

การแสดงความไม่เคารพ “สถาบันพระมหากษัตริย์” และ “สัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน”  การตีความอย่างกว้างนี้ก่อให้เกิดข้อพิพาทมาจนถึงปัจจุบัน ผู้พิพากษาและนักวิชาการกฎหมายดูเหมือนยึดถือว่า “ พระมหากษัตริย์อยู่เหนือการติชมในทางใด ๆ” ตั้งแต่ปี 2519 มีการตีความรวมถึงการวิจารณ์พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ โครงการหลวง สถาบันพระมหากษัตริย์ ราชวงศ์จักรี และอดีตพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มโทษจากสูงสุด 7 ปี มาเป็นโทษ 3 ถึง 15 ปีอย่างในปัจจุบัน 

ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทย ไม่ว่าจะกระทำภายในหรือภายนอกราชอาณาจักรไทยก็ต้องรับโทษในราชอาณาจักร เพราะเป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 7(1) ตัวอย่างเช่น กรณีคนไทยที่กระทำผิดในสหรัฐจะถูกดำเนินคดีในประเทศไทย 

คราวนี้มาดู สถิติการดำเนินคดีตามมาตรา 112  (ข้อมูล จนถึงวันที่ 14 ก.พ. 2567)

คดีที่จำเลยปฏิเสธและต่อสู้คดี และศาลมีคำพิพากษา จำนวน 68 คดี แยกเป็น

คดีที่ศาลยกฟ้อง                                                      จำนวน 20 คดี 

คดีที่ศาลลงโทษจำคุก โดยไม่รอลงอาญา                          จำนวน 30 คดี

คดีที่ศาลลงโทษจำคุก โดยให้รอลงอาญา                           จำนวน 9 คดี

คดีที่ศาลยกฟ้องข้อหามาตรา 112 แต่ลงโทษในข้อหาอื่นๆ       จำนวน 6 คดี

  และคดีที่ศาลยกฟ้องจำเลยบางคน แต่ลงโทษจำคุกจำเลยอีกราย จำนวน 3 คดี


คดีที่จำเลยรับสารภาพ และ ศาลมีคำพิพากษา จำนวนอย่างน้อย 57 คดี แยกเป็น

คดีที่ศาลลงโทษจำคุก โดยไม่รอลงอาญา จำนวน 23 คดี

คดีที่ศาลลงโทษจำคุก โดยให้รอลงอาญา     จำนวน 31 คดี 

และคดีที่ศาลให้รอกำหนดโทษ                  จำนวน 3 คดี


มาดูเหตุผลที่ศาลลงโทษ :

(1.)จำเลยมีความผิดตามมาตรา 112 เนื่องจากแม้จะกระทำต่อกษัตริย์ที่สวรรคตไปแล้ว ก็กระทบถึงองค์ปัจจุบัน

(2.)ข้อความเป็นสิ่งที่ไม่บังควร มีลักษณะเป็นการจาบจ้วง และชี้ให้เห็นถึงเจตนาของจําเลยที่ต้องการจะดูถูก ด้อยค่าพระมหากษัตริย์ อันเข้าลักษณะเป็นการดูหมิ่นแล้ว

(3.)ข้อความที่โพสต์เป็นความเท็จ ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติ มีเจตนาลดเกียรติและ      ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์

(4.) จำเลยมีการแสดงตนเป็นราชินี ในเชิงล้อเลียนเสียดสี ก่อให้เกิดความตลกขบขัน เป็นการไม่แสดงความเคารพต่อสถาบันกษัตริย์ อันเป็นกระทำที่ไม่บังควร

(5.) ศาลเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 112 แม้คำปราศรัยจะไม่ได้มีการกล่าวถึงพระนามของกษัตริย์พระองค์ใด แต่เห็นว่ามาตรา 112 ไม่ได้คุ้มครองแค่กษัตริย์พระองค์ใดพระองค์หนึ่ง แต่คุ้มครองทั้งสถาบันกษัตริย์

(6.) ศาลเห็นว่า จำเลยโพสต์คลิปวิดีโอมีเนื้อหาสื่อถึงรัชกาลที่ 10 ที่วางตัวไม่เป็นกลางทางการเมือง ซึ่งอาจทำให้ประชาชนเคลือบแคลงสงสัย เห็นว่าเป็นการดูหมิ่น จาบจ้วง ตามมาตรา 112

(7).ศาลเห็นว่า ถ้อยคำปราศรัยของจำเลยเป็นการกล่าวหาที่ทำให้เกิดความเกลียดชัง และเกิดความเข้าใจผิดต่อพระมหากษัตริย์ เห็นว่าจำเลยมีความผิดตาม ม.112

(8) .ศาลเห็นว่า จำเลยบีบของเหลวสีม่วงใส่ผ้าประดับซุ้มฯ ไฟก็ลุกพรึบขึ้นมา น่าเชื่อว่าเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงหรือวัตถุไวไฟบางชนิด ที่จำเลยเบิกความว่าต้องการช่วยดับไฟนั้น เป็นการเบิกความลอยๆ พยานโจทก์ยังเบิกความว่า พระบรมฉายาลักษณ์มีค่าเท่าตัวบุคคล มีไว้กราบไหว้และเป็นที่เคารพสักการะ การกระทำของจำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง

(9) .ศาลพิพากษาว่า มีความผิดตามฟ้อง เห็นว่า แม้ไม่ได้พ่นข้อความบนพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 แต่การพ่นบนรูปภาพของสมาชิกราชวงศ์ ย่อมส่งผลกระทบต่อรัชกาลที่ 10 เป็นการกระทำที่ด้อยค่าและทำให้สถาบันกษัตริย์เสื่อมเสีย ลงโทษตามมาตรา 112 จำคุก 3 ปี ฐานทำให้เสียทรัพย์ จำคุกกระทงละ 2 เดือน ปรับกระทงละ 6,000 บาท รวม 5 กระทง เป็นจำคุก 10 เดือน ปรับ 30,000 บาท

(10)  คำพิพากษาศาลฏีกา 2354/2531

 จำเลยจะมีเจตนาหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นหรือไม่ จะถือตามความเข้าใจของจำเลยซึ่งเป็นผู้กล่าวเองมิได้ ต้องพิจารณาจากข้อความที่จำเลยกล่าวทั้งหมด การที่จำเลยกล่าวข้อความไปอย่างไร แล้วกลับมาแก้ว่าไม่มีเจตนาตามที่กล่าว ย่อมยากที่จะรับฟัง การที่จำเลยเป็นผู้มีคุณความดีมาก่อน หลังจากเกิดเหตุแล้วยังได้ไปกล่าวคำกราบบังคมทูลของพระราชทานอภัยโทษต่อพระบรมสาทิสลักษณ์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และได้มีหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการรู้สึกความผิดและพยายามบรรเทาผลร้ายแห่งความผิดนั้น อันเป็นเหตุบรรเทาโทษ มีเหตุสมควรปรานีลดโทษให้จำเลย


คราวนี้มาดูเหตุผลที่ศาล ยกฟ้อง :

(1.) ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อกล่าวหา เห็นว่า ข้อความของจำเลยไม่ได้ระบุให้รู้ได้โดยแน่นอนว่าเป็นองค์พระมหากษัตริย์องค์ใดองค์หนึ่งโดยเฉพาะ ขึ้นกับการตีความของบุคคล และสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ใช่องค์ประกอบความผิดตามมาตรา 112 พยานหลักฐานของโจทก์จึงมีไม่พอที่จะลงโทษจำเลยในทุกข้อหาได้

(2.) ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อกล่าวหา เห็นว่าพยานโจทก์ยังไม่พอให้เชื่อได้ว่าจำเลยเป็นผู้นำเข้าโพสต์ดังกล่าว มีเพียงผู้กล่าวหาคนเดียวที่เบิกความว่าจำเลยโพสต์ แต่กลับเบิกความถึงการเห็นโพสต์แตกต่างกัน อีกทั้งภาพที่นำมาแจ้งความก็ไม่ปรากฏ URL ประกอบการคำเบิกความของพยานจำเลยซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งสองเห็นว่า ภาพมีการตัดต่อมา

(3.) ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อกล่าวหา เห็นว่าหลักฐานที่ผู้กล่าวหานำมา         แจ้งความ เป็นการแคปภาพหน้าจอ ไม่ใช่สิ่งพิมพ์จากข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยตรง พยานหลักฐานของโจทก์ไม่สามารถนำสืบได้ว่าข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์มีจุดเริ่มต้น และปลายทางส่งข้อมูลเป็นอย่างไร หมายเลขประจำตัวเครื่องคอมพิวเตอร์คืออะไร ซึ่งเป็นข้อมูลระบุตัวตนสำคัญ จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัย

(4.) ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อกล่าวหา เห็นว่า โจทก์ไม่สามารถนำสืบได้ว่าจำเลยเป็นผู้ใช้งานหรือเป็นเจ้าของเฟซบุ๊กตามฟ้อง ขณะที่จำเลยถูกจับกุม ตำรวจได้ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือของจำเลยมาตรวจสอบด้วย แต่ตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีการเข้าใช้งานบัญชี เฟซบุ๊กที่ถูกกล่าวหา อีกทั้ง จำเลยได้ให้การปฏิเสธตลอดมา ประกอบกับจำเลยมีอาการทางจิต จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย

(5.) ศาลพิพากษายกฟ้อง เห็นว่า ข้อความในป้ายไม่เข้าองค์ประกอบมาตรา 112 ไม่ได้ระบุว่าหมายถึงบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ ไม่เป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์

นอกจากนี้ยังมี คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 28-29 /2555

           ได้วางหลักเกี่ยวกับบทบัญญัติมาตรา 112 ไว้ว่า การกระทำความผิดฐานดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการ มีลักษณะของการกระทำความผิดที่มีความ ร้ายแรงมากกว่าการดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทต่อบุคคลธรรมดา จึงไม่มีบทบัญญัติ เหตุยกเว้นความผิดหรือยกเว้นโทษไว้ 


สำหรับ คดีความผิดตามมาตรา 112 นั้น สำนักงานอัยการสูงสุด กำหนดให้เป็น                  “ คดีสำคัญ” และได้กำหนด แนวปฎิบัติในการดำเนินคดีอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112  ให้เป็นแนวทางเดียวกัน โดยให้สำนักงานอัยการที่ได้รับสำนวนคดีความผิดตามมาตรา 112 ให้ส่งสำนวนคดีไปให้  สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาทันที และให้รายงานคดีสำคัญ ตามแบบที่สำนักงานอัยการสูงสุดกำหนด

และเมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว การดำเนินคดีในชั้นศาลสูง ( ศาลอุทธรณ์ หรือศาลฎีกา) ก็ให้ถือปฏิบัติเช่นเดียวกัน คือ ไม่ว่าศาลชั้นต้นจะพิพากษายกฟ้อง หรือลงโทษไม่เต็มตามฟ้อง  ให้จัดส่งสำเนาคำพิพากษาศาลชั้นต้น หรือศาลอุทธรณ์  สำเนาคำเบิกความพยานและเอกสารที่โจทก์จำเลยอ้างส่งศาล ไปให้ สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาทันที 


 กล่าวโดยสรุป คดีความผิด ตามมาตรา 112  “ผู้ใด หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือ แสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ” แม้ในทางคดี จะตีความหมายอย่างกว้าง และอาจมีผู้ถูกดำเนินคดีตามความผิดมาตรา 112 โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนจำนวนมากก็ตาม  แต่ในทางคดีหาใช่ว่า ศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดตามมาตรา 112 ในทุกคดี ทั้งนี้ เนื่องจากยังมีบางคดีที่ศาลพิพากษา            “ยกฟ้อง” เช่นกันดังที่ได้กล่าวแล้ว

112  “ พระมหากษัตริย์อยู่เหนือการติชมในทางใด ๆ”

นายวรเทพ  สกุลพิชัยรัตน์

อัยการศาลสูงจังหวัดสมุทรปราการ

(อดีต)รองประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน  ในคณะกรรมาธิการการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร 


บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง#รถไฟฟ้าสายสีแดง ยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมือง
https://www.facebook.com/REDLineSRTET

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รางวัลแห่งความภาคภูมิใจ! Kloss Wellness Clinic ผู้นำคลินิกดูแลสุขภาพครบวงจร ขึ้นรับรางวัล สถานประกอบการฟื้นฟูและชะลอวัยดีเด่นแห่งปี ในงาน THE WORLD'S HIGHEST AWARDS 2024

โรงเรียนสวนกุหลาบสมุทรปราการ จับมือ มหาวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ฮาร์บิน ประเทศจีน จัดพิธีลงนามทำ MOU เปิดศูนย์ประสานงานและการเรียนรู้ภาษาจีน

งานบุญกฐิน ประจำปี 2567 วัดบางพลีใหญ่กลาง รวมยอดจากสายบุญทุกสาย กว่า 1.6 ล้านบาท อย่างไม่เป็นทางการ